เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๑o ก.พ. ๒๕๔๕

 

เทศน์เช้า วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๕
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วันสันติธรรมาราม ต. คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

ความรู้สึก ถ้ามันซึ้งใจมันจะออกไปรุนแรง ออกรุนแรงเห็นไหม ความรุนแรงออกไปนี่มันออกมาจากหัวใจ ธรรมมันเป็นอย่างนั้น ธรรมมันเป็นความจริง ธรรมน่ะ สัจธรรม อริยสัจ มันอยู่ในหัวใจของสัตว์โลก ถ้ามันเข้าถึงใจของสัตว์โลกได้ ถ้ามันไม่เข้าถึงใจของสัตว์โลกได้ มันเป็นความจำเห็นไหม สัญญาความจำนี่มันเป็นที่ขันธ์ มันเป็นสัญญา เป็นสังขาร ขันธ์นี่มันไม่เข้าถึงหัวใจ มันออกมาอย่างนั้น มันก็จะออกด้วยรูปแบบ รูปแบบให้มันสวยงาม รูปแบบให้มันเป็นไป

แต่ถ้ามันออกจากหัวใจนี่มันออกมาโดยธรรมชาติของมัน มันจะพุ่งออกไป อันนั้นคือธรรมในหัวใจ ธรรมในหัวใจอย่างหนึ่ง ธรรมการจำมาอย่างหนึ่ง แต่การฟังแล้วมันก็ซึ้งใจเห็นไหม ซึ้งใจไม่ซึ้งใจมันอยู่ที่ความรับรู้ ถ้ามันออกมาจากหัวใจมันฟังแล้วมันจะดูดดื่ม แล้วมันจะซึ้งหัวใจมาก เพราะมันจากใจสู่ใจ แต่ถ้ามันออกมาจากสัญญา ออกมาจากสังขาร นี่มันเป็นความคิดความปรุงไป

ประเพณีนิยมก็เป็นอย่างนั้น ประเพณีเห็นไหม ตอนนี้เป็นประเพณี ปีหนึ่งมีหนหนึ่งต้องทำร่วมกัน ทำประเพณีไปแล้วแต่คนฉลาดและคนโง่ ถ้าคนฉลาดหยิบจับตักตวงเอาแต่ผลประโยชน์จากประเพณีนั้น ในประเพณีนั้นมีสิ่งที่ว่าเป็นคุณประโยชน์ก็มี และมีสิ่งที่ว่าถ้าเรารู้ไป เราทำไป เพราะใจเรามันเข้าไม่ถึงธรรม ใจเราคิดของเราเองว่าสิ่งนั้นเป็นประโยชน์กับเรา ฟังสิ คำว่าประโยชน์เห็นไหม ประโยชน์ในโลกนี้ประโยชน์ในความเห็นของใจ มันจะทำความเห็นของมัน และมันจะทำประโยชน์ของมันไป ประโยชน์คือสิ่งที่มันได้ผลประโยชน์มา แต่ไม่คิดว่าผลประโยชน์นั้น สิ่งที่เป็นประโยชน์มันมานี่มันมาเบียดเบียนใครหรือเปล่า

ถ้ามันเบียดเบียนกันอันนั้นมันจะเป็นโทษเห็นไหม สิ่งที่เป็นโทษมันเป็นบาปอกุศล เราคิดว่าเราเป็นประโยชน์ นี่เอาประโยชน์จากประเพณี คนที่เอาประโยชน์จากประเพณีน่ะหาบเอาแต่บาปเอาแต่กรรมไป คนที่เอาประโยชน์กับมันเห็นไหม เราทำประเพณีของเรานี่เป็นประเพณีนิยม เพราะประเพณีนี่มันยิ่งกว่ากฎหมายอีก ถ้าไม่ทำนี่คนเขาจะมองว่าเรานี่ฝืนโลก เราไม่ไปตามโลก

แต่เราทำประเพณีก็แล้วแต่เราเอาประโยชน์จากมัน เพราะเรามีธรรมในหัวใจ ธรรมในหัวใจนะ ความกตัญญูเห็นไหม ความรู้คุณคน อันนี้มันก็เป็นธรรม ธรรมคือเป็นประโยชน์กับโลกเขา ความกตัญญู ความกตเวที เราระลึกถึงพ่อแม่ของเรา เราระลึกถึงอะไรนี่ มันเป็นประโยชน์ทั้งหมด แต่ให้มันเป็นประโยชน์กับเราเห็นไหม ปีหนึ่งประเพณีหนหนึ่ง เราจะให้พ่อแม่ของเราได้กินหนหนึ่งเหรอ แต่การทำบุญกุศลเห็นไหม เราตักบาตร เราทำบุญกุศล เราทำได้ทุกวัน แล้วสิ่งนี้มันเป็นเห็นไหม

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลาไปงานศพ เห็นไหม ที่เวลาเทศน์ในงานศพ อะทาสิเม อะกาสิเม เธออย่าเสียใจ อย่าร้องไห้ อย่าพิร่ำรำพันถึงกัน ความร้องไห้ ความพิร่ำรำพันถึงกันน่ะมันเป็นความโศกเศร้า ถ้าเป็นญาติของเรา เป็นพี่น้องของเรา มีความโศกคร่ำครวญไป เราจะไม่มีความสุขหรอก ถ้าคนรอบข้างเรามีความสุขเราถึงจะมีความสุขด้วย ถ้าเขามีความเสียใจเป็นความทุกข์นี่เราจะมีความสุขได้อย่างไร ความโศกเศร้าคิดถึงกันสิ่งนั้นไม่ควรทำเลย

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอก ให้ทำคุณงามความดีแล้วส่งคุณงามความดีนั้นถึงกัน การส่งคุณงามความดีนั้นถึงกัน อันนั้นล่ะเป็นคุณประโยชน์เห็นไหม ส่งคุณงามความดีถึงกัน แล้วเราเสียสละ เราทำทาน เราตักบาตร นี่มันเป็นคุณงามความดีไหม คุณงามความดีมหาศาลเลย เพราะสมณะผู้ที่ไม่มีอาชีพ สมณะนี่ประกอบอาชีพด้วยปลีแข้ง เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้งเห็นไหม แล้วไม่มีอาชีพ ไม่มีการแข่งขัน เรานี่จะให้คนอื่นเราให้ไม่ได้เพราะว่ามีความเสมอกัน แต่สมณะผู้ที่ไม่มีอาชีพ ไม่มีการต่อสู้กับเรานี่ เป็นผู้ที่ถอดพิษออกจากหัวใจ แล้วเราสละให้อย่างนั้นมันเป็นบุญกุศลไหม มันเป็นคุณงามความดีไหม ถ้ามันเป็นคุณงามความดีของเรานี่ ทำคุณงามความดีแล้วอุทิศคุณงามความดีนั้นถึงกัน ถ้าเราอุทิศความดี นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนไว้อย่างนั้น สอนให้เราทำคุณงามความดีแล้วอุทิศคุณงามความดีถึงกัน

ความดีของเรานี่ เห็นไหม ถ้าเรามีธรรมในหัวใจ เราจะทำคุณงามความดีของเราได้ถูกต้องตามธรรม ตามความเป็นจริงแล้วเราทำคุณงามความดี ดีโดยบริสุทธิ์สุดส่วนไง แต่ถ้ามันเป็นผลประโยชน์ในประเพณีนี่เขาว่าเป็นความดีของเขา เป็นความดีของกิเลส เห็นไหม เขามีกิเลส เขามีความเห็นของเขา เขามีความอยากได้ของเขา ความตัณหาทะยานอยากคือว่าผลประโยชน์ขนาดไหนมันเป็นผลประโยชน์ของเขา นั่นน่ะมันเป็นผลประโยชน์แต่เอาบาปเอาอกุศลไป เราเอาคุณงามความดีน่ะมันเป็นบุญกุศลด้วย แล้วมันเป็นคุณงามความดีของเราด้วย เป็นสิ่งที่ถูกต้องด้วย เป็นบุญกุศลเข้าถึงใจของเรา พอเข้าถึงใจของเรา เห็นไหม สิ่งนั้นเอาบุญกุศลจากภายนอก เอาบุญกุศลจากประเพณีวัฒนธรรม

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกเลยว่า ทำคุณงามความดี เห็นไหม ให้ทานร้อยหนพันหนไม่เท่ากับรักษาศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง ให้ทานร้อยหนพันหนนี่ เราให้ทานเพื่อสละทาน สละความยึดมั่นถือมั่นของใจ ความเห็นใจ ความผูกมัดของใจนี่มันอยู่กับหัวใจ แล้วเวลาเราคิดขึ้นมานี่เราสละไม่ได้ ถ้าเราให้ทานนี่เราหัดสละจากข้างนอกไป มันถึงสละความตระหนี่ถี่เหนียวได้ สละถึงความคิดของเราได้เห็นไหม

นี่บุญกุศลจากข้างนอก ความดีจากข้างนอก ความดีจากภายในมีทาน ให้ทานร้อยหนพันหนไม่เท่ากับถือศีลบริสุทธิ์หนหนึ่ง มีศีลบริสุทธิ์ร้อยหนพันหนไม่เท่ากับทำความสงบของใจเข้ามาหนหนึ่ง เห็นไหม นั่นน่ะหาคุณงามความดีจากภายใน ถ้าหาคุณงามความดีจากภายใน ภายในหัวใจของเราเห็นไหม หัวใจของเราทุกข์ยาก เราทำคุณงามความดีทั้งหมดก็เพื่อบุญกุศล เพื่อให้เราไปเกิดดีไง ให้ใจดวงนี้ไปเกิดดี ถ้ามันยังไม่ถึงที่สุด ใจดวงนี้หมุนเวียนตายไปเกิดในวัฏฏะ มันต้องหมุนเวียนไป มันจะไปดีของมันถ้ามันขึ้นสูงไป ความสูงของใจ เห็นไหม ความขึ้นสูง อันนั้นเวลาหมุนเวียนไป

แต่เวลาเราหาคุณงามความดีจากหัวใจ มันจะเกิดความสงบของใจขึ้นมา ความสงบของใจ ใจมันสงบขึ้นมา ใจมีฐานขึ้นมา เห็นไหม นั่นน่ะเราเห็นคุณงามความดีมันเป็นปัจจัตตัง มันรู้จำเพาะในหัวใจ รู้จำเพาะในหัวใจนี่เป็นพยานเห็นไหม องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมต่างๆ นี่ มีมากมายมหาศาลที่ว่าในโลกนี้ ไม้ในป่าเห็นไหม ใบไม้ในป่ากับใบไม้ในกำมือ พระไตรปิฎกเป็นใบไม้ในกำมือส่วนหนึ่ง ในส่วนหนึ่งที่กล่าวสอนมา เพราะว่ามันสามารถสื่อให้คนตาบอด สื่อให้พวกเราที่ใจไม่มีความรู้ถึงนี่เข้าถึงได้ สิ่งที่สื่อนี่เราเข้าถึงได้ เราก็เข้าถึงสิ่งนั้น แต่สิ่งที่เข้าถึงไม่ได้ยังมีอีกมหาศาล เห็นไหม สิ่งที่มหาศาลนี่จะเอากรอบแค่นี้มาเทียบไม่ได้ คือว่าจะเอากรอบไม้ในกำมือมาเทียบส่วนนี้ไม่ได้

นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่ท่านรู้ท่านเห็นมากมายไม่พูดออกมา อยู่ในหัวใจของท่าน แล้วที่รับรู้ไป โลกภายนอก โลกภายใน แต่พอพระโมคคัลลานะมาเป็นพยานหลักฐานนี่ คือว่าเป็นพยานหลักฐานต่อกันเห็นไหม เป็นพยานหลักฐานต่อกันก็ยืนยันกันว่าสิ่งนั้นมีจริง พระโมคคัลลานะพูด พระพุทธเจ้าพยากรณ์ว่า ใช่ เราก็เคยเห็น แต่เราไม่พูด เราไม่พูด เห็นไหม เราไม่พูดไปเพราะว่าส่วนนั้นมันพูดออกไปแล้วคนจะไม่รู้ตาม แล้วเราทำความสงบของใจเราเข้ามานี่หาคุณงามความดีจากภายใน ถ้าใจเรามีความสงบเข้ามาเห็นไหม นั้นน่ะสิ่งต่างๆ ที่เราสร้างสมขึ้นมาก็เพื่อหัวใจดวงนี้ เพื่อหัวใจดวงนี้ให้ยืนขึ้นมาได้ แล้วเราหาคุณงามความดีจากใจของเรา ใจมันยืนขึ้นมาได้โดยธรรมชาติของมันไง นี่เป็นปัจจัตตัง รู้คุณค่าของตัวเราเองว่าสิ่งต่างๆ ที่อยู่อาศัยนะ

คนเราถ้ามันหยาบมันก็หาที่พึ่งจากภายนอก ถ้าคนมันละเอียดขึ้นมามันจะหาที่พึ่งจากภายใน สิ่งข้างนอกนี่เป็นปัจจัยเครื่องอยู่อาศัย แต่ถ้าเราไม่มี เราเป็นคนหยาบนี่ เราคิดว่าเครื่องอยู่อาศัยนี่เป็นสิ่งที่ว่าเราต้องยึด เพราะไม่มีสิ่งนี้เราจะลำบากลำบน เครื่องอยู่อาศัยเห็นไหม พระอยู่ในป่า เห็นไหม หลวงปู่มั่นเกิดในป่า ตรัสรู้ในป่านะ แล้วก็ตายอยู่ในป่า ทำไมท่านมีความสุขของท่านล่ะ มีความสุขของท่านเพราะว่าใจของท่านหาคุณงามความดีจากภายใน หาคุณงามความดี หาความสุขจากภายในเห็นไหม ไม่ได้หาความสุขจากภายนอก คนหยาบหาความสุขจากภายนอกแล้วหวังพึ่งภายนอก แล้วอยู่ภายนอกแล้วมันจะไม่ได้พึ่งอะไรเลย เพราะอะไร เพราะสมบัตินี้เป็นสมบัติโลก ใจดวงนี้ต้องหมุนเวียนไป

แต่ถ้าหาสมบัติภายในขึ้นมานี่ ใจดวงนี้มันมีสมบัติที่พึ่งของมัน มันจับต้องสิ่งของมันได้ มันถึงว่าสิ่งข้างนอกนี่เป็นที่พึ่งพาอาศัย มันเป็นพึ่งพาอาศัยชั่วคราวเท่านั้น แล้วมันต้องหมุนเวียนไป ใจหมุนเวียนไปนี่ใจบริสุทธิ์ผุดผ่อง ใจอันนี้มันมีความสงบเข้ามาเห็นไหม ถ้าทำความสงบเข้ามา ทำจิตของเราสงบเข้ามา มันจะมีความรู้สมบัติของเรา อันนี้จะทำได้ ถ้าเราไม่สามารถทำสมบัติให้มันมากไปกว่านั้น เห็นไหม เวลาเราจะจนตรอกเข้ามานี่มันจะคิดถึงคุณงามความดี คิดถึงสมบัติของตัวมันเอง

ถ้าคิดถึงตรงนั้นเวลามันจะตายขึ้นมานี่มันจะเข้าถึงความสงบอันนี้ เห็นไหม มันเกิดเป็นพรหมแน่นอน พรหมนี้เป็นขันธ์หนึ่ง ใจที่เป็นสัมมาสมาธิมันก็เป็นปัจจัตตัง เป็นเอโก ธัมโม เป็นหนึ่งเหมือนกัน สิ่งที่เป็นหนึ่งนี่มันเข้ากันได้ มันจะไปเกิดตรงนั้น ขันธ์มันมีอยู่ แต่ขันธ์มันสงบตัวลงเข้าถึงตัวของจิต นั่นล่ะเป็นพยานกับศาสนาด้วยว่าสิ่งนั้นมีจริง แล้วถ้ายกขึ้นวิปัสสนานี่มันจะไป พอยกขึ้นวิปัสสนาขึ้นไปนี่มันจะเป็นอริยบุคคล สิ่งที่เป็นอริยทรัพย์อยู่ภายใน มันจะฝังไปในหัวใจ มันจะเกิดตายอีกกี่ชาติ หรือจะไม่เกิดตายอีกมันก็เป็นไปได้ เห็นไหม นั่นน่ะเป็นปัจจัตตัง หาสมบัติจากภายใน

เราเกิดมาแล้วนี่ ถ้าเราเปิดตาเราหลายๆ ข้าง ประเพณีนิยมเราก็ทำของเราไปเพื่อโลกเขา แล้วประเพณีมีธรรมในหัวใจด้วย ทำตามประเพณีที่ว่าไม่เอาบาปอกุศลมาเจือปนด้วย เอาแต่บุญกุศลเห็นไหม เอาความกตัญญูกตเวที ความคิดถึง ความระลึกถึงนี่มันเป็นคุณประโยชน์ทั้งหมด แต่มันเป็นสิ่งที่หยาบๆ ในศาสนา ในศาสนามันละเอียดอ่อนจนเราเข้าถึงไม่ได้

การทำความสงบของใจ เพื่อหาที่พึ่งจากภายในนี่มันจนทำไม่ได้ ทำจนเป็นความลำบากขึ้นมา นั่นน่ะมันทำไม่ได้เพราะเราหยาบเอง ถ้าละเอียดขึ้นไปนี่สมบัติต่างๆ มันจะเป็นไป มันจะเป็นไปต่างๆ มันจะส่งต่อกันขึ้นไป นั่นน่ะประเพณีเป็นประเพณี ประเพณีเราก็อาศัยมันไป เราไม่ถึงกับขวางโลกไง ธรรมนี้ไม่ขวางโลกนะ สิ่งนั้นมันเป็นเรื่องที่ว่าโลกเขาใช้กันอยู่เราก็ใช้ตามเขาไป แต่ถ้าเราอยู่ตรงนั้นเห็นไหม มรรคหยาบฆ่ามรรคละเอียด ความคิดที่มันหยาบนี่มันจะหยาบอยู่อย่างนั้น มันจะละเอียดเข้าไปไม่ได้ ถ้าความคิดละเอียดเข้าไปนี่ มันต้องทิ้งอันหยาบเข้าไป มันเห็นโทษของความคิดอันหยาบนั้น มันจะปล่อยวางอันหยาบนั้น แล้วมันละเอียดเข้าไปเป็นชั้นเป็นตอนเข้าไป นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเราใจเราเห็นสิ่งนั้นเป็น... (เทปสิ้นสุดเพียงเท่านี้)